ทำไมคนไทยจึงรักในหลวง
บทความเชิงวิเคราะห์และเทิดพระเกียรติของพระองค์
ผู้เข้าชมรวม
18,608
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ทำไมคนไทยจึงรักในหลวง?
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา... ไม่ว่าจะเป็นงานฉลองสิริราชสมบัติครบ60ปี ในวันที่9มิถุนายน การจัดงานเฉลิมพระเกียรติที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี ที่มีประชาชนล้นหลาม หรือการจุดเทียนชัยถวายพระพรในทุกๆปี
เราจะพบว่า... ประชาชนชาวไทยนั้นหากเป็นเรื่องของในหลวงแล้ว มักจะยินดีที่จะออกมาร่วมแสดงความจงรักภักดี โดยพร้อมเพรียงกันเสมอ
เช่นการใส่เสื้อเหลืองหรือริชแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ไม่นานมานี้ชาวประมงอำเภอเชียงถึงกับขอเลิกจับปลาบึกถาวร และนำอวนไปถวายพระสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล...
พรรคการเมืองที่โจมตีกันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องปกติทางการเมืองก็ประกาศหยุดการตอบโต้โดยพร้อมเพรียงกัน
และหากใครมาดูถูกกษัตริย์ไทย มาทำให้ท่านทุกข์พระทัย... คนไทยก็มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงเป็นพิเศษ จนเรียกได้ว่าถ้าคนที่ดูถูกนั้นอยู่ในที่สาธารณะ คงได้ถูกประชาทัณฑ์ไม่เหลือซากแน่ๆ
ทั่วโลกต่างทึ่ง ประหลาดใจ ประทับใจ และฉงนสนเท่ห์...
เหตุใดคนไทยจึงรักและเทิดทูนกษัตริย์ถึงเพียงนี้?
เหตุใดกษัตริย์ไทยจึงได้รับการยกย่องถึงเพียงนี้?
ข้าพเจ้ามองว่ามีหลายปัจจัยด้วยกัน (บทความนี้เขียนเอง ดังนั้นหากมีข้อใดตกหล่นไป ต้องขออภัยจริงๆ)
1. ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์
(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอนันทมหิดล)
ประเทศไทยก่อนที่จะมาเป็นประชาธิปไตย ก็ได้อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาก่อน ซึ่งเป็นแบบพ่อปกครองลูก แล้วจึงเป็นนายปกครองบ่าว ด้วยเพราะคนไทยรักอิสระ และเกิดการเรียกร้องสิทธิให้มีสิทธิเท่าเทียมกันหมด จนกระทั่งถึงพ.ศ. 2475 เราจึงมีประชาธิปไตยดังเช่นทุกวันนี้
แต่คนไทยก็ไม่อาจทิ้งระบบกษัตริย์ เพราะความจงรักภักดีที่เคยชินมาตั้งแต่สมัยโบราณ เราจึงเป็นประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งก็มีไม่มากนักในโลกนี้....
แถมกษัตริย์ของเรายังไม่ใช่เพียง "สัญลักษณ์" อย่างบางประเทศ ที่กษัตริย์แทบไม่มีบทบาทอะไร กลับกัน แม้ว่าคนไทยจะหวงแหนประชาธิปไตย แต่กลับเชื่อฟังในคำสอนของในหลวง
แม้ว่าด้วยพระราชอำนาจแล้ว พระองค์จะ "มีสิทธิ์" ที่จะสั่งการใดๆก็ได้ แต่ด้วยพระเมตตา พระองค์จึงใช้สติคิดตรองก่อนทุกครั้ง ที่จะทรงรับสั่งอะไรออกไป ซึ่งจุดนี้หากลองอ่านพระราชประวัติ ก็จะทราบดี
เช่น การตักเตือนบรรดารัฐมนตรี หรือรัฐบาล พระองค์จะไม่ค่อยต่อว่าใครตรงๆ หรือเอ่ยชื่อใครเพื่อตำหนิ หากจะชมก็ชมรวมๆเสียมากกว่า (ซึ่งแน่นอนว่าหากพระองค์พูดออกไป ไม่ว่าจะชมหรือตำหนิ มีผลทางการเมืองทั้งนั้น) ด้วยพระองค์ไม่ต้องการแทรกแซงทางการเมือง จึงรักษาแนวทางการใช้พระราชดำรัสในแบบนี้มาตลอด...
แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่า คนไทยทุกคนพร้อมจะทำตามพระราชดำรัส
(ยกเว้นคนบางจำพวกที่ไม่มีจิตสำนึก)
นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า แม้เราจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่เราก็ยังเทิดทูนในหลวงเหนือสิ่งอื่นใด....
2. การสื่อสาร
เราจะเห็นได้ว่า การสื่อสารในยุคนี้ก้าวไกลไปแค่ไหน... ทำให้เกิดการนำคุณงามความดี พระราชประวัติ พระราชอารมณ์ขัน รวมถึงพระราชอำนาจ พระราชดำริ ออกมาให้ประชาชนได้รับรู้ ในรูปแบบของสื่อต่างๆมากมาย
ทำให้เรียกได้ว่า เป็นการโฆษณาในอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่หากจะเรียกให้เหมาะสม ควรต้องเรียกว่าเป็นการเผยแพร่คุณงามความดีของพระองค์ ซึ่งนั่นทำให้คนทั้งประเทศเกิดความรู้สึกแต่ละเรื่องที่ในหลวงทรงกระทำ ก็เพื่อประชาชนของพระองค์ทั้งนั้น...
3. พระบารมี
หลายครั้งที่มีความแปลกประหลาดในงานพิธีต่างๆที่มีพระองค์ร่วมด้วย ซึ่งก็ต้องขอเรียนว่าคนไทยยังเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่มาก สังเกตได้จากการกลัวผี ขอหวยกับสิ่งต่างๆ แต่ไม่อยากให้เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นในงานพิธีว่าเป็นเรื่องงมงายของประชาชน...
ส่วนตัวเคยเจอเหตุที่น่าประหลาดใจจากพระบารมีมาอย่างน้อยสองครั้งแล้ว คือ
3.1. ตอนที่ไปรับเสด็จเมื่อวันที่9 อย่างที่เล่าในไดอารี่ ตอนแรกนั่งอยู่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แดดร้อนมาก จนผิวไหม้ (ใช้คำว่าไหม้เลยนะ) แต่ก็พอมองเห็นว่าเมื่อพระองค์มาถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม เมฆก็เริ่มมารวมตัวกันหนาตาขึ้น พอพระองค์ออกมาพบประชาชน เมฆก้อนใหญ่สุดในท้องฟ้าเวลานั้นก็มาบังแสงให้เสียหมด คนที่อยู่ที่นั่นยืนยันได้ทุกคน
3.2. ตอนไปงานที่กทม.จัดเทิดพระเกียรติ พอจะร้องเพลงสรรเสริญ เพลงขึ้นตัวโน้ตตัวแรกปุ๊บ (ตัวแรกจริงๆค่ะ สาบาน) พายุมา... ลมแรงมาก จนจอสกรีนเชือกขาด แต่ยังมีสองเส้นไม่ขาด ทำเอาจอสกรีนปลิวไปมา เต็นท์ผ้าใบต้านลมมาก จะปลิวเหมือนกัน ขนาดเอาเชือกมาช่วยขึงยังเกือบเอาไม่อยู่ ต้องเอาเต็นท์ลง เราเองก็อยู่หลังเวที ยืนข้างเต็นท์เลย ก็เลยรู้
แต่ฝนไม่ตก...
พอเพลงจบ ดนตรีเงียบปุ๊บ ฝนตกทันทีเลยค่ะ แต่เป็นแบบปรอยๆ เรียกได้ว่าเป็นละอองฝนมากกว่า คนก็ทยอยกันกลับบ้าน... ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ถึงจะเริ่มตกหนักขึ้น เหมือนจะรอให้คนกลับให้หมดก่อนอย่างนั้นแหละ...
เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาบ้างแล้ว และนี่คือสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ค่ะ...
4. พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีในทุกๆเรื่อง
(ยาสีฟันใช้แล้วของพระองค์)
(ห้องทรงงานของพระองค์)
กับสมเด็จพระบรมราชชนนี(สมเด็จย่า)
ไม่ว่าจะเป็นความประหยัด ความขยัน ความกตัญญู การให้การศึกษาแก่ลูก การให้ลูกได้เลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ความเมตตา การช่วยเหลือผู้อื่น ความเสียสละ และอื่นๆอีกมากมาย
ท่านทรงสอนคนไทย ด้วยการกระทำ....
5. พระอัจฉริยภาพ
ทรงดนตรี
ภาพวาดฝีพระหัตถ์
ในหลวงของเราถือว่าเป็นทั้งศิลปิน และนักวิชาการ เรียกได้เต็มปากว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของโลก มิได้ยกยอปอปั้น แต่สิ่งที่ปรากฏ ก็สมควรแก่การยกย่องแล้ว...
เราเป็นคนหนึ่งที่เรียนศิลปะ ดังนั้นเราพูดได้เต็มปากว่า งานศิลปะของพระองค์นั้นยอดเยี่ยมทั้งแนวคิด การจัดวาง และสีสัน บางคนไม่ได้เรียนศิลปะ อาจสงสัย ว่าพระองค์ไม่ได้วาดรูปให้เหมือนมากนัก ทำไมคนถึงยกย่อง ต้องอธิบายว่างานของพระองค์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นภาพเหมือนจริง (Realistic) แม้ว่าจะเป็นรูปคน (Portrait) แต่งานของพระองค์มักจะแทรกความเป็นนามธรรมไว้มากกว่า
และแม้จะไม่ได้วาดเหมือนทุกรายละเอียด แต่เราดูก็ยังมองออกว่าเป็นใคร แสดงว่าพระองค์มีความสามารถในการวาดรูปเหมือนอยู่แล้ว (พูดง่ายๆว่าเก่งพื้นฐานแล้ว) แล้วจึงปรับงานของตัวเองให้กลับมาสู่รูปแบบที่ง่ายขึ้น ถือเป็นการตัดทอนนั่นเอง...
ในทางดนตรี ลองฟังดูก็คงจะรู้เอง ว่าฟังได้ทุกยุค ทุกสมัย ทั้งยังมีด้านการประดิษฐ์คิดค้น วรรณกรรม การกีฬา และด้านอื่นๆอีกมาก ที่พระองค์ทำได้อย่างยอดเยี่ยม... สมกับคำว่าอัจฉริยะ
6. เพราะกษัตริย์ของเรามิใช่เพียงสัญลักษณ์
พระองค์แก้ปัญหาบ้านเมืองหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เป็นการแทรกแซงการเมือง เรียกได้ว่าวางตัวอย่างเหมาะสมมาก และพระองค์ก็ทำงานหนักเพื่องประชาชนมาโดยตลอด
เราเคยเห็นพระองค์ใส่ชุดหรูหราก็เฉพาะงานพิธีสำคัญ หรือรูปถ่าย เราเห็นพระองค์ใส่สูทดีๆ ก็เฉพาะงานสำคัญ หรือรับรองแขกต่างประเทศ เวลาปกติ ท่านก็ใส่ชุดเหมือนคนธรรมดาทั่วไป... ไม่มีผ้าคลุม มงกุฏอย่างเจ้าชาย ราชาในการ์ตูนในนิยาย... มีเพียงสูทตัวเดิมๆใส่คลุม เสื้อหนาว เสื้อกันฝน
ภาพที่เราเห็นกันบ่อยจนชินตาคือ ท่านก้าวเท้าไปบนดินแตกระแหง หรือลุยป่า ถ่ายรูปพื้นที่ที่พระองค์จะพัฒนา ทำแผนที่เพื่อวางแผนการพัฒนา จะวางเขื่อน วางฝายที่ไหน จะปลูกป่าอย่างไรให้ยั่งยืน ไม่ให้ชาวเขาปลูกฝิ่น จะให้เขาทำมาหากินอะไร? ก็เอาไม้เมืองหนาวให้เขาปลูกแทน ชาวเขาก็มีชีวิตดีอย่างยั่งยืน... และไม่ต้องติดฝิ่นอีก...
ภาพที่พระองค์นั่งลงกับพื้น มีข้าราชบริพารนั่งล้อมรอบเพื่อคุยกันเรื่องงานที่จะทำ ภาพที่ท่านเดินข้ามสะพานไม้ผุๆ เก่าๆ ภาพที่พระองค์และราชินีเสด็จเยี่ยมคนใต้ ที่ต่างศาสนา คนเหนือ คนอีสาน
พระองค์จะเลือกที่จะนั่งๆนอนๆในพระราชวังก็ได้ เพราะเกิดในตระกูลกษัตริย์ แต่พวกท่านก็ไม่ทำ เพราะพวกท่านมิใช่ "สัญลักษณ์" พวกท่านคือ "ผู้เสียสละ" เสียสละเวลาส่วนพระองค์ ทรัพย์ส่วนพระองค์ที่มีคนถวายให้ กำลังกาย กำลังใจของพระองค์ เพื่ออะไร?
"เพื่อประโยชน์สุข...แห่งมหาชนชาวสยาม..."
7. เพราะความเป็นศาสนูปถัมภก
คนทุกศาสนายกย่องพระองค์ จะเห็นได้จากทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา และวันที่9มิ.ย. ตัวแทนทุกศาสนาก็ไปรับเสด็จพระองค์ (ทั้งพระคาร์ดินัล ทั้งสังฆราช และหัวหน้าทุกศาสนา) วันนั้นก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าไทยเรามีศาสนาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?
สิ่งที่ทุกศาสนาไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะให้ความเคารพท่าน เพราะท่านทรงมีเมตตากับทุกศาสนา และมีความเป็นธรรม ท่านอนุญาตให้คนไทยนักถือศาสนาได้ตามใจชอบ ไม่เคยบังคับ ทั้งยังสนับสนุนทุกศาสนาอีกด้วย...
8.เพราะพระองค์ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม
ไม่ว่าข้อที่กล่าวไปแล้ว จะมีเหตุผลอะไรอย่างไร
แต่นี่คือข้อที่สำคัญที่สุด...
และต่างชาติบางจำพวก(ซึ่งบางทีเขาไม่รู้จักในหลวงของเราดีพอ อย่าไปว่าเขา เพราะเขาไม่รู้) ที่เคยตั้งคำถามว่า "เป็นเพราะในหลวงเราเกิดในตระกูลกษัตริย์หรือเปล่า คนถึงได้ยกย่อง" ควรจะได้รู้ไว้ ว่าสิ่งสำคัญที่คนไทยยกย่องในหลวง คือการที่พระองค์มีเมตตาต่อประชาชนคนธรรมดา ซึ่งเป็นคนของพระองค์
พระองค์ใช้ "พระราชอำนาจ" ใช้ความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์จะใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนตนก็ได้ แต่พระองค์ก็ไม่ทำ พระราชอำนาจของพระองค์ มีไว้เพื่อช่วยเหลือราษฎรเสียมากกว่า...
จะเห็นได้ว่า พระองค์เป็นคนนิสัยเช่นนี้มาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ดูได้จากตอนที่ท่านขึ้นเป็นกษัตริย์ครั้งแรก ท่านได้กล่าวว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม..."
และทรงรักษาคำพูดของพระองค์ ตลอดชีวิตของท่าน ย่างพระบาทไปในทุกที่ทั่วประเทศ ช่วยเหลือคนมากมาย ทรงงานหนักเหลือเกิน... ทั้งยังคิดค้นสิ่งประดิษฐ์หลายอย่าง สร้างระบบฝายกั้นน้ำ และโครงการในพระราชดำริอีกมากมาย ที่หากนำมาปฏิบัติจริงแล้ว จะเป็นสิ่งที่ดีต่อคนไทยอย่างยั่งยืน...
โดยเฉพาะเรื่องเศษรฐกิจพอเพียง...
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่UN ที่มอบถ้วยสาขาพัฒนามนุษย์ให้ในหลวงกล่าวยกย่อง ว่าเป็นแนวทางที่ยอดเยี่ยม ต่างชาติยอมรับแนวคิดนี้แล้ว... เชื่อว่าต่อจากนี้ แนวทางโลกาภิวัฒน์จะเปลี่ยนเป็นการอยู่อย่างพอเพียงทั้งโลก!! เพราะมนุษย์เราทำลายทรัพยากรมาเยอะแล้ว ต่างชาติทั่วโลกก็ตระหนักดี แนวทางความพอเพียงนี้จึงเหมาะสมที่สุดกับโลกในขณะนี้
แนวทางพอเพียงนี้ จริงๆก็มาจากพระพุทธศาสนา ทว่าพระองค์นำมาทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะเรียกว่าต่อยอดจากพระธรรมก็ไม่ผิด...
ความพอเพียงนี้คือสิ่งที่ท่านมอบให้แด่พวกเรา เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และขณะนี้ทั่วโลกต่างยอมรับ
ความพอเพียงที่พระองค์ประทานให้ อย่าเข้าใจผิดว่าต้องปลูกต้นไม้ ทำสวนกินเอง เลี้ยงสัตว์กินเองไปเสียหมด ความประหยัด ไม่ใช้ฟุ่มเฟือย ก็เป็นความพอเพียง ใช้เท่าที่จำเป็น พออยู่พอกินในประเทศ เหลือส่งออกนอกประเทศ นี่คือความพอเพียง...
นี่คือสิ่งที่พระองค์มอบให้พวกเราด้วยความจริงใจ แล้วเราจะไม่รับแนวคิดนี้ไปปฏิบัติเชียวหรือ?
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ เตือนใจทุกคน... ในหลวงทรงเป็นคนธรรมดา มีการเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาร ท่านทรงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้เราเห็นแล้ว... วันหนึ่งท่านอาจไม่อยู่กับเราอีก เหมือนพ่อแม่ของเราก็เช่นกัน...
วอนให้วัยรุ่นทุกคนปฏิบัติตัวเป็นคนดีตั้งแต่วันนี้ เพื่อในหลวงของเรา อย่าคิดว่าริชแบรนด์ เสื้อเหลือง ก็แค่แฟชั่น... จงใส่เพื่อให้ในหลวงได้ทรงรับรู้ ว่าเราเป็นกำลังใจให้ท่าน เราเทิดทูนท่าน ทั้งสองสิ่ง ขอให้ใส่เพื่อเตือนใจ
ว่าเราอยู่ในสังคมนี้ สังคมไทย... ที่มีกษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมกว่าใคร...
ขอให้ภูมิใจที่เป็นคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทั่วโลกยกย่อง... ขอให้ภูมิใจ ที่ทั่วโลกมองว่าคนไทยรักในหลวงมากจนไม่มีชาติใดเทียบได้...
ใส่ไว้เตือนใจ เวลาจะทำอะไรที่ไม่ดี... เราก็ตัดใจ เลิกเสีย... ไม่ว่าจะฆ่าสัตว์ แมลงตัวเล็กๆ โดดเรียน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ด่าคนในเน็ตให้เขาไม่สบายใจเล่นๆ และอีกหลายๆอย่าง เลิกเท่าที่จะเลิกได้...
พ่อทำเพื่อเรามาตลอดชีวิต...
ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง
อย่าให้ใครมาพูดว่า
"คนไทยเห็นในหลวง แต่ไม่เคยมองในหลวง
เคารพ แต่ไม่เคยปฏิบัติตาม..."
ขอให้พระองค์อยู่เป็นมิ่งขวัญปวงชนชาวไทยไปนานๆ สุขภาพระวรกายแข็งแรง ขอให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบสุข ไม่ให้ท่านต้องทุกข์พระทัยอีก...
ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน...
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นางสาว นพวรรณ บุญลลิต (Wadoiji)
บทความอื่นๆของผู้เขียน
**แก้ไขพระราชดำรัสที่เขียนผิด
**เพิ่มเติมเนื้อหาให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
ผลงานอื่นๆ ของ ++Wadoiji++ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ++Wadoiji++
ความคิดเห็น